ฉบับประจำวันที่ 7-12 ธันวาคม 2564
Bitcoin ปรับตัวลงแรงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกือบ 20% ทำให้ตลาดคริปโตทั้งตลาดร่วงลงแรงด้วยเช่นกัน หลายฝ่ายมองว่าเป็นผลกระทบจากการที่ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์จากจีน Evergrande ประกาศไม่สามารถชำระหนี้ได้อีกต่อไป
Tether ซึ่งเป็นผู้สร้างเหรียญ USDT ได้ออกมาประกาศว่าบริษัทฯไม่ได้เข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ของ Evergrande อย่างไรก็ตามตลาดเริ่มมีความกังวลว่าทางการสหรัฐฯจะเข้ามากำกับดูแล Stablecoins มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดเกิดแรงขายขึ้นมา
ประธานาธิบดี Nayib Bukele ของประเทศเอลซัลวาดอร์ เปิดเผยว่าได้เข้าซื้อ Bitcoin ในจังหวะที่ราคาย่อตัวอีกครั้งจำนวน 150 BTC ราคาเฉลี่ยประมาณ 48,760 ดอลลาร์ ขณะที่ Microstrategy เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 7,002 ดอลลาร์ ใช้เงินไป 414.4 ล้านดอลลาร์
ด้าน Michael Saylor เปิดเผยว่า Bitcoin เป็นทั้งสกุลเงินและสินทรัพย์สำรองที่ดีที่สุดในโลก สามารถต้านกับภาวะเงินเฟ้อได้อย่างดีแม้ราคาจะผันผวน แต่ไม่เหมาะสมกับการนำมาใช้ซื้อกาแฟ
Fidelity บริษัทจัดการกองทุนระดับโลก เปิดเผยว่าได้เตรียมจัดตั้ง กองทุน “Fidelity Advantage Bitcoin ETF” ซึ่งเป็น ETF ที่ลงทุนในตลาด Spot ของ Bitcoin โดยอยู่ระหว่างรอการจดทะเบียนในประเทศแคนาดา หากสำเร็จจะกลายเป็นบริษัทจัดการกองทุนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด
ผลวิจัยระบุว่า Ethereum มีคุณสมบัติของการเป็น Store Of Value ในระยะยาวที่ดีกว่า Bitcoin จากการอัปเกรดเวอร์ชั่น EIP-1559 ทำให้ Ethereum เข้าสู่สถานะที่ใกล้เคียงเงินฝืด จากการที่มีซัพพลายใหม่ในระบบเพิ่มขึ้นเพียง 0.98% ต่อปี ซึ่งน้อยกว่าถึงครึ่งหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของเหรียญ Bitcoin ที่อัตราปีละ 1.99%
Square บริษัทด้าน Payment ระดับโลกได้เปลี่ยนชื่อเป็น Block เพื่อโฟกัสไปที่ธุรกิจ Blockchain โดยเฉพาะซึ่งจะมีโปรดักต์อย่าง Decentralized Exchange สำหรับ Bitcoin และแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่ง Tidal
Exchange ใหญ่อย่าง Bitmart ออกมาประกาศว่าถูกแฮ็ค และเงินดิจิทัลสูญหายไปกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ส่วนเกาหลีใต้ประกาศเลื่อนแผนเก็บภาษีจากคริปโต 20% ไปเป็นปี 2023 ขณะที่ประธานตลาดหลักทรัพย์ประกาศสนับสนุน Bitcoin ขณะที่อินเดียประกาศไม่ควบคุมคริปโตแต่จะมีมาตราการกำกับดูแลออกมา
วิเคราะห์กราฟเทคนิค: ประจำสัปดาห์ 7 – 12 ธันวาคม 2564
Bitcoin (BTC)
BTC ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 42,000 ดอลลาร์ ก่อนจะมีแรงดึงกลับอย่างรวดเร็ว ถ้าหากราคาไม่ลงมาต่ำกว่าระดับดังกล่าวอีกน่าจะส่งสัญญาณของการสิ้นสุดขาลง แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะฟื้นตัวกลับทันทีหรือไม่ ถ้าหากผ่านแนวต้านที่ 54,000 ดอลลาร์ ก็จะเป็นการยืนยันการฟื้นตัวกลับเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง
Ethereum (ETH)
ETH ปรับตัวลงแรงตาม BTC แต่ดูจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าโดยมีแนวรับสำคัญที่ 3,900 ดอลลาร์ หากไม่หลุดจากระดับนี้จะยังไม่เป็นขาลง ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 4,500 ดอลลาร์ ที่หากผ่านไปได้จะทำให้กลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง โดยภาพรวมระยะสั้นยังคงเคลื่อนไหวแบบ Sideway
Terra Chain (LUNA)
LUNA ปรับตัวขึ้นกว่า 33% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาและเป็นการสร้างจุดสูงสุดใหม่โดยหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวหรือ Buy On Dip โดยแนวรับสำคัญที่ไม่ควรหลุดคือที่ 1,900 บาท แนวต้านแรกคือจุดสูงสุดเดิมที่ 2,700 บาท ข้อสังเกตุคือ LUNA เป็นเหรียญที่พักตัวแรงจึงไม่ควรไปไล่ราคา
Polygon Network (MATIC)
MATIC ปรับตัวขึ้นกว่า 21.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นเหรียญที่ Outperform ตลาด โดยการย่อตัวลงมาถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อยังมองว่ามีโอกาสที่จะกลับไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้โดยมีแนวต้านแรกที่ 88 บาท ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 62 บาท ไม่หลุดจากนี้แนวโน้มยังขาขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนประจำสัปดาห์
Bitcoin ปรับฐานลงมาแรงจนถึงแนวรับ Fibonacci 61.8% จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะลงมาถึงจุดต่ำสุดที่ระดับ 42,200 ดอลลาร์ หากไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ เป็นไปได้ว่าแนวโน้มหลังจากนี้จะค่อยๆฟื้นตัวได้เพื่อที่จะจบเวฟ 4 ใหญ่และขึ้นในเวฟ 5 ใหญ่ ซึ่งน่าจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้
อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนว่าตลาดจะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วโดยยังต้องติดตามภาวะตลาดการเงินในภาพรวมอย่างเช่นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธ์ใหม่ตลอดจนผลกระทบจากบริษัท Evergrande ผิดนัดชำระหนี้
เหรียญที่ Outperform ตลาดหมายถึงราคาปรับตัวลดลงน้อยกว่าภาพรวมตลาด และสามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เหรียญแรกคือ LUNA ที่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้สำเร็จในขณะที่ตลาดปรับตัวลงแรง ขณะที่ Ethereum ก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็วเช่นกัน
ขณะที่เหรียญ NFT Games อย่าง GALA MANA และ SAND ถือได้ว่า Outperform ตลาดด้วยเช่นกันซึ่งพอจะเป็นทางเลือกในการเทรดได้ในช่วงนี้ อีกทั้งการปรับฐานลงมาในระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะกลางขึ้นไป
สำหรับผู้ที่ยังมีเงินทุนเหลือ การปรับฐานลงมาในรอบนี้เป็นโอกาสที่จะลงทุนในเหรียญที่มีศักยภาพเติบโตสูงในระยะยาวจากการที่ราคาปรับตัวลงมาค่อนข้างมากรวมถึง Bitcoin ที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่มีข่าวเชิงลบเข้ามาสร้างผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น
ยังมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่จะเป็นปัญหาเรื้อรังในระยะยาวจะเป็นแรงผลักดันให้ Bitcoin มีความต้องการเข้ามาในอนาคตรวมถึงกระแสของ Metaverse ที่น่าจะยังมีต่อเนื่องในอีกสองสามปีข้างหน้า
มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้
You might also like
More from Crypto รายสัปดาห์
จับตาการพิจารณา Ethereum Spot ETF ปลายเดือนพฤษภาคม
ก.ล.ต.สหรัฐฯ เลื่อนกำหนดการตัดสินใจว่าจะอนุมัติ Ethereum Spot ETF ของผู้ยื่นทุกรายไม่ว่าจะเป็น Hashdex Nasdaq Ethereum ETF, VanEck Ethereum ETF รวมถึง Grayscale Ether Futures ETF ออกไปเป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมทั้งหมด Fortune รายงานว่าบริษัทในสหรัฐฯ หลายแห่งได้รับหมายศาลจากสำนักงาน …
จับตาการอัปเกรดสำคัญของ Ethereum หนุนการเติบโต Layer 2
Ethereum จะมีการอัปเกรดใหญ่ Dencun วันที่ 13 มีนาคมนี้ ซึ่งจะเป็นกลไกที่ทำให้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบน Layer2 ลดลงจนเกือบจะเป็นศูนย์ คาดดึงผู้ใช้งานและนักพัฒนาเข้ามาใช้งานมากขึ้น ขณะที่ราคา Ethereum แตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 2 ปี ก.ล.ต.สหรัฐฯ เลื่อนการตัดสินใจอนุมัติหรือไม่อนุมัติกองทุน Spot …
นักลงทุนสถาบันมั่นใจลงทุน Bitcoin ETF ดันราคาขาขึ้นต่อเนื่อง
กองทุน IBIT ของ BlackRock มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการแตะ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยจำนวน Bitcoin ที่ถือครองกว่า 162,000 BTC ถือเป็นกองทุน ETF ที่มีมูลค่าแตะ 10,000 ล้านดอลลาร์เร็วที่สุด โดยปัจจุบันมีกองทุน ETF ที่มีมูลค่าดังกล่าวเพียง …