Bitazza Crypto Weekly: DeFi Protocol ยังเดินหน้าต่อแม้ตลาดอยู่ในภาวะหมี

ฉบับประจำวันที่ 11 – 17 กรกฎาคม 2565

แม้ว่าตลาดคริปโตจะเข้าสู่สภาวะหมี แต่ DeFi Protocol ต่างๆยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและโปรดักต์ใหม่อย่างต่อเนื่องและเริ่มที่จะได้เห็นการเชื่อมต่อกับระบบการเงินดั้งเดิมในแบบ CeDeFi

AAVE เปิดเผยรายละเอียดของเหรียญ Stablecoin ชื่อ GHO ซึ่งทำงานบนเชนของ Ethereum ซึ่งจะถูก Mint ขึ้นด้วยสกุลเงินดิจิทัล โดยเปิดให้ผู้กู้สามารถได้รับดอกเบี้ยจากเหรียญที่นำไปใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันได้ 

MakerDAO เปิดเผยว่าได้อนุมัติเงินกู้จำนวน 100 ล้านดอลลาร์ให้กับ Huntingdon Valley Bank ซึ่งเป็นธนาคารที่อยู่ภายใต้การควบคุมของทางการสหรัฐฯ โดยจะเป็นการกู้ผ่าน Stablecoin อย่าง DAI ทั้งนี้เพดานการกู้จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านดอลลาร์ ภายในหนึ่งปีข้างหน้า

การจดะเบียนโดเมนเนมเวบไซต์ผ่าน Ethereum Name Service (ENS) เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการจำนวนการลงทะเบียนทั้งหมด 126,141 ครั้ง ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์มาจากค่า GAS เฉลี่ยของ Ethereum ที่ลดลงเหลือ 1.57 ดอลลาร์ ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2020

Celsius Network  แพลตฟอร์มผู้ให้บริการกู้ยืมคริปโตรายใหญ่ได้ชำระหนี้ที่ยังค้างกับ MakerDAO เป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตามทางแพลตฟอร์มยังคงไม่ได้เปิดให้บริการฝากถอนและซื้อขายหลังจากที่ปิดดำเนินการไปเกือบหนึ่งเดือน

Voyager Digital ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลายแล้ว หลังขาดทุนอย่างหนักจากการให้เงินกู้ยืมแก่กองทุน Three Arrows Capital เป็นจำนวน 650 ล้านดอลลาร์ แล้วเกิดการผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ผู้ที่ลงทุนผ่าน Voyager Digital ทั้งหมดได้รับความเสียหาย

ประธานาธิบดี Nayib Bukele เปิดเผยว่าชาวเอลซัลวาดอร์ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศได้โอน Bitcoin ผ่านกระเป๋าเงิน Chivo มากกว่า 50 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.9% จากช่วงเดียวกันในปี 2021ช่วยประหยัดค่าธรรรมเนียมการโอนเงินรูปแบบปกติได้ถึง 400 ล้านดอลลาร์

สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศผู้ครอบครองกำลังขุด Bitcoin อันดับหนึ่งของโลกโดยคิดเป็นสัดส่วน 37.84% จากตัวเลขเดือนมกราคมปี 2022 และยังครองอันดับหนึ่งของการเป็นผู้ติดตั้งตู้เอทีเอ็ม Bitcoin ของโลกกว่า 88% โดยจีนและคาซัคสถานตามมาเป็นอันดับที่สองและสามของประเทศผู้ขุด Bitcoin มากที่สุด

Grayscale ปรับพอร์ตกองทุน Large Cap Select Index โดยได้นำเอาเหรียญ BCH,LINK,LTC,DOT และ UNI ออก และยังปรับพอร์ตในส่วนของ DeFi Fund โดยนำเอาเหรียญ YFI ออกจากพอร์ตฟอร์ลิโอ แต่ยังไม่มีการเพิ่มเหรียญใหม่เข้าไป

Elon Musk ประกาศยุติดีลการเข้าเทคโอเวอร์บริษัท Twitter มูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์ แล้วจากความกัลวลเรื่องจำนวนบัญชีปลอมที่อาจมีมากกว่าที่ประเมินไว้ ขณะที่บอร์ดของ Twitter มีสิทธิจะฟ้องเรียกความเสียหายถึง 1,000 ล้านดอลลาร์

 

---

วิเคราะห์กราฟเทคนิคประจำสัปดาห์  11 – 17 กรกฎาคม 2565

---

Bitcoin (BTC)

BTC อาจเลือกทิศทางราคาเร็วๆนี้จากการที่ Bolinger Band เริ่มบีบตัวแคบ แนวโน้มราคาเริ่มดีขึ้นจากการ Breakout กรอบ Sideway และ RSI เริ่มทำจุดสูงสุดใหม่ โดยหากผ่านแนวต้าน 25,000 ดอลลาร์ จะยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้น แต่ถ้าพลิกลงยังต้องจับตาจุดต่ำสุดเดิมที่ระดับ 17,000 ดอลลาร์

 

Ethereum (ETH)

ETH เคลื่อนไหวแบบ Sideway Up โดยมีการยกจุดต่ำสุดขึ้นแต่ยังไม่ผ่านแนวต้าน 1,300 ดอลลาร์ ถ้าผ่านราคานี้ไปได้จะทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,500 ดอลลาร์ สวนแนวรับยังคงต้องจับตาจุดต่ำสุดเดิมที่ 880 ดอลลาร์ แนวโน้มมีดอกาสเลือกทางชัดเจนเร็วๆนี้ตาม BTC

 

Curve Finance (CRV)

CRV ปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.4% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มระยะสั้นกลับมาเป็นขาขึ้นได้โดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 30 บาท ถ้าไม่หลุดจากตรงนี้จะมีเป้าหมายที่จุดสูงสุดเดิม 48 บาท แต่ถ้าหลุดจากระดับดังกล่าวจะมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 22 บาท ถ้ายังยืนอยู่ได้แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น

 

Aave (AAVE)

AAVE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.6% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มกำลังฟอร์มตัวเป็นขาขึ้นโดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 2,600 บาทและแนวรับสำคัญที่ 1,800 บาท ถ้ายังยืนเหนือแนวรับนี้ได้จะมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 3,400 บาท และจะเป็นการพลิกกลับเป็นขาขึ้น

 

---

กลยุทธ์การลงทุนประจำสัปดาห์

---

 

เดือนกรกฎาคมนี้น่าจะเป็นเดือนที่ชี้ชะตาว่า Bitcoin จะถึงจุดต่ำสุดได้แล้วหรือจะยังปรับตัวลงได้ต่อ โดยจะมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญสามเหตุการณ์เริ่มจาก 13 กรกฎาคม ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน 27 กรกฎาคม ประชุม FED และ 28 กรกฎาคม ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสสองสหรัฐฯ

ถึงตอนนี้ตลาดคริปโตรับรู้ไปแล้วว่า FED จะมีการขึ้นดอกเบี้ยระดับ 0.5-0.75% ค่อนข้างแน่นอนเพื่อที่จะเอาชนะอัตราเงินเฟ้อระดับสูง ดังนั้นหากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนออกมาไม่สูงมากกว่าเดิมหรือลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จะส่งผลดีต่อราคา Bitcoin

และถ้าการประชุม FED วันที่ 27 กรกฎาคม มีมติขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.5-0.75% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วจะมีความเป็นไปได้ว่า Bitcoin อาจจะปรับฐานเล็กน้อยหรือทรงตัวอยู่ได้รวมถึงมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นได้ แต่ถ้ามีการขึ้นดอกเบี้ยที่แรงกว่าที่คาดเช่นขึ้นทีเดียว 1%  ก็อาจจะส่งผลลบต่อราคา Bitcoin ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในระดับดังกล่าว

อีกไฮไลท์สำคัญคือตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯที่จะประกาศในวันที่ 28 กรกฎาคมออกมาโตติดลบจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะ Recession อย่างเป็นทางการจะมีโอกาสที่ตลาดจะเปลี่ยนธีมจากความกังวลนโยบายการเงินที่เคร่งครัดของ FED ไปเล่นธีม Recession แทน ซึ่งจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นแต่มีผลกระทบต่อ Bitcoin เล็กน้อยเนื่องจากมีความสัมพันธ์กับภาคเศรษฐกิจจริงในระดับต่ำ

ที่สำคัญคือ FED อาจจะต้องชะลอการขึ้นดอกเบี้ยที่ Aggressive ลงและถ้าหากเงินเฟ้อเริ่มลดลงแต่ยังรักษาระดับอยู่ที่ 4-5% น่าจะส่งผลบวกต่อ Bitcoin ที่จะถูกคาดหวังว่าเป็นสินทรัพย์ที่เอาชนะอัตราเงินเฟ้อระดับสูงได้

*มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน

 

More from Crypto รายสัปดาห์

---