Blockchain Thailand Genesis 2022
การบรรยายภายใต้หัวข้อ “ยุคหลังเหตุการณ์ของ FTX: เส้นทางสู่ความโปร่งใสและสิ่งที่จำเป็นสำหรับการกำกับดูแลด้วยตนเองของ CeDeFi”
โดย คุณอาท กวิน พงษ์พันธ์เดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบิทาซซ่า ร่วมกับ คุณสัญชัย ปอปลี CEO Cryptomind Advisory
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
เหตุการณ์ FTX ศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับที่ 2 ของโลกล้มละลายนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิกฤตใหญ่ที่เกิดขึ้นในวงการของคริปโตซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนอาจจะได้พบเจอกับวิกฤตที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ของ Luna, Celsius หรือ Three Arrows Capital โดยหลังจากเหตุการณ์ FTX เราควรจะทำอย่างไรให้เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เกิดขึ้น ควรมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และเราจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานได้อย่างไร ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม
.
คุณอาท (บิทาซซ่า)
สำหรับพวกเราเองเริ่มดำเนินกิจการจากภายในประเทศก่อนซึ่งในประเทศที่มีกำกับการดูแลอย่างประเทศไทย เรามีการดำเนินการส่งรายงานข้อมูลบริษัทฯ ให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.ตามรอบระยะเวลาที่กำหนดในทุกวันอย่างเคร่งครัด ซึ่งรายงานข้อมูลนี้รวมถึง รายงานสินทรัพย์สภาพคล่องสุทธิของบริษัท มูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลรวมของลูกค้าที่ฝากไว้กับบริษัท และ เงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ เป็นต้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าบริษัทมีเงินอยู่จริง หากถูกเรียกตรวจสอบต้องสามารถพิสูจน์ได้
.
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
ในต่างประเทศอื่นๆ อาจจะมีการกำกับดูแลศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต่างกันออกไป ซึ่งในประเทศไทยจะมีการกำกับดูแลชัดเจนว่าเราไม่สามารถนำเงินลูกค้าไปทำอะไรต่อได้ รวมถึงมีการแบ่งเก็บ ทั้ง Hot และ Cold Wallet ด้วย ในส่วนนี้มีวิธีการจัดเก็บอย่างไรบ้าง?
.
คุณอาท (บิทาซซ่า)
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
1.สินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโตจำนวน 90 เปอเซนต์ จำเป็นต้องจัดเก็บอยู่กับผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลที่เก็บอยู่ใน Cold Wallet และต้องเป็นผู้ให้บริการที่ประกอบธุรกิจเฉพาะการจัดเก็บเท่านั้น ไม่ประกอบธุรกิจอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงและอีก 10 เปอเซนต์ จะถูกจัดเก็บอยู่ใน Hot Wallet เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการถอนเงิน
2.100% ของทรัพย์สินเงินบาทถูกจัดเก็บในบัญชีเงินฝากที่จัดทำขึ้นเพื่อรักษาทรัพย์สินของลูกค้าผู้ใช้บริการเท่านั้นและมีการระบุอย่างชัดเจนให้เป็น”บัญชีเพื่อลูกค้า” ที่สถาบันการเงิน หรือ บริษัทการเงินต่างๆใช้กัน โดยมีเงื่อนไขต่างๆในการฝากไว้ในบัญชีนี้ เพราะในกรณีที่บริษัทล้มละลาย บริษัทจะไม่สามารถนำเงินส่วนนี้ไปชำระหนี้ที่เกิดขึ้นทางกฏหมายได้เพราะเป็นเงินที่ถูกรักษาไว้สำหรับลูกค้าเท่านั้น
.
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
ในกรณีที่เป็น ศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบรวมศูนย์ (CEX) การที่จะทำ Proof of Reserves บนเครือข่ายนั้นจะมีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน และมีกระบวนการอย่างไร?
.
คุณอาท (บิทาซซ่า)
การทำ Proof of Reserves ควรแบ่งเป็น 2 เรื่อง
1.Proof of Assets ทำง่ายกว่า บริษัทมีนโยบายการจัดเก็บอยู่ในกระเป๋าเงินนี้ คุณสามารถเข้าไปดู บนบล็อกเชนได้ว่าเงินอยู่จริงและสามารถดูประวัติได้ว่ามีการโอนเข้า-ออกอย่างไรบ้าง มีการนำทรัพย์สินนี้ไปหาผลประโยชน์อื่นหรือไม่ เช่นการเอาไปฝากใน smart contracts ให้ได้ดอกเบี้ย หรือ เอาไปทำอะไรที่ไม่ควรจะทำหรือไม่ ซึ่งมีความโปร่งใสอยู่
2.Proof of Liability เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่าเพราะการดำเนินบริษัทต้องมีทรัพย์สินและหนี้สิ้นซึ่งการล้มละลายนั้นเกิดขึ้นจากการที่ทรัพย์สินไม่ได้ครอบคลุมถึงหนี้สิ้นที่ใหญ่มากซึ่งบางทีหนี้สิ้นไม่ได้อยู่บนเครือข่ายอย่างเดียว เช่น การเซ็นสัญญาว่ามีหนี้สินเกิดขึ้น โดยในส่วนตรงนี้จึงไม่สามารถที่จะพิสูจน์บนบล็อกเชนได้เนื่องจากไม่ได้ทำบนบล็อกเชน
.
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
จุดสำคัญในฐานะผู้ใช้งาน เราควรจะมองอะไรบ้างในมุมนี้?
.
คุณอาท (บิทาซซ่า)
กลับมาที่มาตรฐานการกำกับการดูแลของประเทศไทย ซึ่งจะมีการตรวจสอบในเรื่องของเทคโนโลยีว่าระบบไอทีมีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดหรือไม่ มีระบบการตรวจสอบควบคุมซึ่งกันและกันเช่น ไม่ใช่คุณจะไปโอนเงิน คุณสามารถไปโอนคนเดียวได้ หรือ กรรมการคนหนึ่งจะโอนเงิน แต่เกิดหายตัวไป หรือเสียชีวิต ทรัพย์สินของลูกค้าที่เก็บอยู่ยังปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานนั้นเข้ามาดูแล
อีกส่วนหนึ่งคือการตรวจสอบทางบัญชี เงินที่เอามาฝากนั้นครอบคลุมถึงหนี้สินหรือไม่ ซึ่งต้องมีการใช้บริษัทผู้ให้บริการตรวจสอบบัญชีเข้ามาตรวจสอบ โดยในส่วนตรงนี้จะมาตอบโจทย์ของฝั่งหนี้สินได้ แต่ฝั่งทรัพย์สิน ผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่คุยกันอยู่แล้วโดยต้องเอาทั้งสองอย่างมาประกอบรวมกัน นักลงทุนอาจจะต้องมองว่า บริษัทนี้มีมาตรฐานในการตรวจสอบแบบไหน มีการกำกับดูแลอย่างไร มีเก็บข้อมูลให้น่าเชื่อถือได้อย่างไร ยิ่งบริษัทที่อยู่มานาน ผ่านวิกฤตมามากมาย โอกาสที่จะรอดต่อไปนั้นก็จะมีมากกว่าบริษัทที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งขึ้นมาหรือเรียกว่า lindy effect ของบริษัท ซึ่งในประเทศไทยจะมีใบอนุญาตการประกอบกิจการอยู่ 6 ประเภท Exchange, Broker , Dealer, ICO portal, Advisory Service and Fund Manangement อีกทั้งกำลังจะมีใบอนุญาต Custodian ออกมาอีกหนึ่งประเภท โดยจะมีกฏที่กำกับว่า ไม่อนุญาตให้คนที่ได้ ใบอนุญาต Exchange เป็น Dealer ในบริษัทเดียวกัน เนื่องจากจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ยกตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถตั้งโต๊ะขายของบนแพลตฟอร์มที่คุณควบคุมดูแลอยู่เอง เพราะจะสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองได้ เปรียบเทียบง่ายๆคือ FTX เป็น Exchange ส่วน Alameda Research เป็น Dealer 2 บริษัทมีการทำงานและใช้ทรัพย์สินร่วมกันเลยทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซึ่งจริงๆแล้วในประเทศไทยไม่สามารถทำได้ด้วยกฏหมาย
.
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
แต่จริงๆ ถ้ามองจากภายนอก FTX และ Alameda Research จะดูแยกกันชัดเจนแต่ภายในไม่ได้ถูกแยกกันเลยในมุมของการกำกับดูแลนโยบายภายใน มีการโอนเงินกันไปมา Alameda Research เป็น market maker อยู่ใน FTX มีการซื้อขายตัดหน้าลูกค้า ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลกเลยก็ว่าได้
.
คุณอาท (บิทาซซ่า)
จริงๆ การซื้อขายตัดหน้าลูกค้าเป็นสิ่งผิดกฏหมายและเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำอยู่แล้ว ซึ่งการไม่มีการกำกับดูแลเลยทำให้ง่ายต่อการทำ เพราะเรามีฐานข้อมูลลูกค้าอยู่เรารู้ว่าถ้าราคาของเหรียญมันวิ่งไปที่ตรงนี้ คุณกำลังจะถูกล้างพอร์ท จุด stop loss และ liquidation อยู่ที่ตรงไหน มันใช้ข้อมูลตรงนี้ได้เลยไม่ควรให้ทั้งสองบริษัทควรมาอยู่ใกล้กัน
.
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
ในมุมมองของคุณอาทอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในโลกของคริปโตระดับโลก มันจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน เราจะทำงานกันยากขึ้นหรือไม่ มีจุดสมดุลอยู่ที่ตรงไหนบ้างภายหลังเหตุการณ์ FTX
.
คุณอาท (บิทาซซ่า)
ในตอนนี้โลกกำลังแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ในฝั่งที่เป็น CeFi และ ฝั่งของ DeFi ซึ่งวิกฤตที่เราพบเห็นเนี่ยเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นจากการนำเงินลูกค้าไปลงทุน (leverage)ในระบบ ที่ CeFi ทำกันแบบไม่มีความโปร่งใสทำให้คนหมดความเชื่อใน CeFi ค่อนข้างเยอะ แต่จริงๆ แล้ว คนยังไม่รู้ว่า DeFi นั้นยังสามารถทำงานได้ปกติตามที่มันถูกออกแบบมา
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงตลาดกระทิง เรามักได้ยินคนพูดถึงเรื่องของกู้ยืมและคนจะได้ยินเรื่องของ มีสินทรัพย์ค้ำประกันมากกว่าจำนวนสินทรัพย์ที่ต้องการจะกู้ยืม (over collateralized loan) หรือ สินทรัพย์ค้ำประกันน้อยกว่าจำนวนสินทรัพย์ที่ต้องการจะกู้ยืม (under collateralized loan) ใน DeFi สามารถทำ over collateralized loan ได้ แต่ไม่สามารถทำ under collateralized loan หมายความว่าหากคุณมีเงินอยู่ 10 บาท แต่ต้องการจะกู้เงิน 100 บาท จะไม่สามารถทำได้ แต่ในโลก CeFi ทำได้ เช่นโดยการเซ็นสัญญาและให้ผลตอบแทน รวมถึงเอาเงินของลูกค้าที่ฝากไปปล่อยกู้ทำตัวเป็นธนาคาร แต่เป็นธนาคารที่ไม่ได้ถูกกำกับดูแลและไม่มีกระบวนการเข้าไปควบคุมความเสี่ยงเลยทำให้เกิดปัญหาขึ้น แต่ในโลกของ DeFi ต้องทำแบบ over collateralized loan เช่น คุณมีเงิน 100 บาท สามารถกู้เงินได้เพียง 70 บาท เท่านั้น ปัญหาในโลก DeFi เลยไม่ได้เกิดเป็นโรคติดต่อว่าเมื่อมีคนนึงล้มละลายแล้วจะไปส่งผลต่อคนอื่นๆ ต่อไป ซึ่งผมมองว่าหลังจากเหตุการณ์ FTX คนจะให้ความสำคัญกับความโปร่งใสตรงนี้ว่าจริงๆ แล้วมันมีโปรดักส์ที่ถูกออกแบบมาดี มีความโปร่งใสและใช้งานได้ดีอยู่แล้วตามการออกแบบของมัน ซึ่งไม่ว่าจะมีวิกฤตอะไรเกิดขึ้น ก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่ผมเป็นห่วงคือ เรื่องของการกำกับดูแลที่เข้มงวดเกินจริงจากหน่วยงานภาครัฐที่อาจเหมารวมทุกอย่างอยู่ในประเภทเดียวกัน เช่นหากคุณเป็นผู้เล่นในคริปโต จะต้องมีการกำกับดูแลแบบเดียวกัน ทำให้สิ่งใหม่มันไม่เกิด ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะต้องแยกให้ชัดเจนว่าใครคือผู้เล่นที่ดี ใครคือผู้เล่นที่ไม่ดี และการกำกับดูแลต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ใช่ว่าฉีดยาฆ่าทุกอย่างและของดีๆ ก็จะตายไปด้วย
.
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
ในมุมของการที่การกำกับดูแลที่เข้มงวดเกินจริง อุตสาหกรรมก็จะเกิดยากอีกทั้งผู้ประกอบการก็จะทำงานยากตามกันไปด้วย ซึ่งหากเราถูกกำกับดูแลด้วยกฏหมายแบบเดียวกัน แต่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการต่างประเภทกัน มันก็อาจจะทำให้ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์เนื่องจากแต่ละภาคธุรกิจมีการดำเนินรูปแบบธุรกิจที่ไม่เหมือนกัน
.
คุณอาท (บิทาซซ่า)
นอกจากนี้เรื่องของ smart contract จริงๆ แล้วมันยังไม่ได้ปลดล็อคประสิทธิภาพสูงสุดของมันอย่างเต็มที่ ยังมีอะไรหลายๆ อย่างในโลกบล็อกเชนที่สามารถทำให้เอากรณีการใช้งานจริงต่างๆ ไปใช้งานได้มากขึ้น การที่เราไปตีกรอบว่าเราจะกำกับดูแล DeFi เหมือนโลกการเงินดั้งเดิมมันเป็นการวาดภาพจำจากโลกเก่ามาประยุกต์กับโลกใหม่ ซึ่งบางทีมันไม่สามารถที่จะประยุกต์ใช้กันได้ทั้งหมด มันเลยทำให้เราพลาดโอกาสที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ถ้าหากเรายังมีภาพนั้นอยู่ในหัวมากเกินไป
.
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
ถ้าเป็นโลกของ DeFi ผมว่า การกำกับดูแลก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากแม้แต่สำนักงาน กลต. ของสหรัฐอเมริกา ยังปรึกษาหารือว่าต้องมีการกำกับดูแลอย่างไรเพราะยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากทั้งคนสร้างและคนใช้งาน ซึ่งมันเป็นการฉีกกฏรูปแบบธุรกิจเก่าทิ้งไปหมดเลย
.
คุณอาท (บิทาซซ่า)
ผมมองว่ามันเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาส สตาร์ทอัพกว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นอาจไม่ประสบความสำเร็จ ที่สร้างแล้วเกิดจริงๆ มีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น แต่ปกติแล้วการจะลงทุนในสตาร์ทอัพ อาจจะต้องเป็นสถาบันการเงินหรือ นักลงทุนที่ได้รับการรับรองและมีเครือข่ายในระดับหนึ่งถึงจะไปลงทุนได้ แต่คริปโตนั้นอนุญาตให้ใครก็ได้สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตแล้วไปลงทุนในโปรเจกต์พวกนี้ได้ แน่นอนมันมาพร้อมกับความเสี่ยง การที่เราต้องการให้ผู้กำกับดูแลเฉพาะตอนที่เราเสียเงิน นั่นเท่ากับเรากำลังผลักความรับผิดชอบให้คนอื่น ผมถึงเห็นใจผู้ตรวจสอบเช่นกัน ผมคิดว่าต้องมีการหาจุดสมดุลระหว่างผู้ให้บริการ นักลงทุน และผู้กำกับดูแล อย่างไรก็ตาม การเสียผลกำไรกับการทำผิดนั้นต้องแยกออกให้ชัดเจน หรือต้องเรียกฝ่ายมาหารือว่าเราจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร ให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน จะทำอย่างไรเพื่อให้เหตุการณ์มันไม่เกิดขึ้น ลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ฆ่านวัตกรรม
.
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
เห็นด้วยครับ เราต้องแบ่งแยกให้ดีเพราะอย่างกรณี FTX เป็นการกระทำความผิดไม่ใช่เป็นการล้มละลายของธุรกิจตามปกติ เพราะจริงๆ แล้วเขามีเงินเยอะจากการทำธุรกรรมของลูกค้า มีการเอาเงินลูกค้าออกไปใช้ ซึ่งจริงๆ มันไม่ควรถูกเอามาใช้ด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดนี้ อยากให้คุณอาททิ้งทายในมุมของปีหน้าว่ามีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร เราควรวางแผนการลงทุนของตัวเองอย่างไร ในฐานะนักลงทุน
.
คุณอาท (บิทาซซ่า)
ผมว่าจริงๆอยู่ที่ การบริหารความเสี่ยงโดยเฉพาะปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกสำหรับหลายๆ คนท่ีมาเจอวิกฤตของคู่ค้า เพราะว่าในปี 2017-2018 เป็น ICO สินทรัพย์ราคาร่วงไปแต่เงินที่ไปฝากที่ศูนย์ซื้อขายนั้นยังอยู่แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฝากกับศูนย์ซื้อขายและล่มด้วย เพราะฉะนั้นควรนำเงินไปเก็บไว้หลายๆที่ ในที่ที่มีความน่าเชื่อถือ มีการจัดการที่ดี สำหรับคนที่มีประสบการณ์ให้เก็บในกระเป๋าเงินตัวเอง Not Your Keys, Not Your Coins. อันนี้ผมสนับสนุนให้ทำ แต่ถ้าหากประสบการณ์น้อยต้องศึกษาว่าทำอย่างไรให้ได้ หรือ ฝากไว้กับคนที่มีวิธีการจัดการดูแลที่ดี ต้องเข้ามาศึกษาจริงๆ ว่าเขาเก็บเงินลูกค้าอย่างไร มีการบันทึกข้อมูลอย่างไร อยู่มานานหรือเปล่า และที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องศึกษาความรู้พื้นฐานคริปโต
.
คุณสัญชัย (Cryptomind Advisory)
ผมคิดว่าสิ่งที่น่าตื่นเต้นโลกในหลังยุคของ FTX ได้รับบทเรียนกันไปมากมาย น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรม และผมเชื่อว่าใครที่สามารถอยู่รอดผ่านวิกฤตนี้ไปได้ จะมีนวัตกรรมใหม่ และสิ่งดีๆเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
รับชมบทสัมภาษณ์งาน Blockchain Genesis Thailand 2022 จากสำนักข่าวไทยรัฐ เริ่มนาทีที่ 2.10
.
รับชมวีดิโอรวมบรรยากาศบูธบิทาซซ่าภายในงาน Blockchain Genesis Thailand 2022 ทั้ง 2 วัน ที่นี่เลย
https://bit.ly/3HpdWQo
.
*บุคลากรในสื่อเป็นบุคลากรของบริษัท บิทาซซ่า จำกัด และ บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด โดยสื่อนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัท บิทาซซ่า จำกัด ในฐานะเป็นพาร์ทเนอร์ทางการตลาดของบริษัท Freedomverse จำกัด
คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
You might also like
More from เกี่ยวกับการสอน
ผู้นำ Copy Trade แบบไหนที่เราควรเลือกติดตาม
แม้ว่าผู้ที่จะมาเป็นผู้นำใน Copy Trade จะได้ชื่อว่ามีประสบการณ์ในการเทรดรวมถึงมีความสามารถในการเทรดที่สูงกว่านักเทรดทั่วไป แต่การที่จะเลือกผู้นำเทรดเพื่อที่จะติดตามควรที่จะต้องใช้ปัจจัยหลายด้านในการพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน มีผลงานที่สม่ำเสมอ แม้บางช่วงเวลาผู้นำเทรดบางรายอาจจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูงจนสร้างแรงจูงใจในการที่จะเลือกติดตาม แต่ความสม่ำเสมอของผลงานอาจมีความสำคัญกว่าถ้าหากต้องการความมั่นคงของพอร์ตในระยะยาว เพราะหากบางช่วงเวลาที่ผลงานของผู้นำเทรดรายนั้นตกลง ผลตอบแทนของพอร์ตเราจะตกลงไปด้วย แต่ถ้านักเทรดที่มีความสม่ำเสมอของการเทรด พอร์ตลงทุนของเราที่ติดตามจะไม่ผันผวนตามไปด้วย โดยการพิจารณาว่านักเทรดรายนั้นมีความสม่ำเสมอของการเทรดหรือไม่อาจจะดูได้จากผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 1 ปีขึ้นไป ถ้าหากผลตอบแทนไม่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงมากนักก็จะแสดงว่านักเทรดรายนั้นมีความสม่ำเสมอของผลงาน รวมถึงอาจพิจารณาจากสถิติอื่นๆเช่นการเติบโตของพอร์ตรวมว่ามีการเติบโตเร็วในช่วงเวลาหนึ่งแต่หลังจากนั้นตกลงอย่างรวดเร็วหรือค่อยๆเติบโต อยู่ในตลาดมาระยะเวลาหนึ่ง นอกจากความสม่ำเสมอของผลงาน ประสบการณ์ของผู้นำเทรดก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะในตลาดการลงทุนที่มีความผันผวนโดยเฉพาะตลาดคริปโต แนวโน้มของตลาดมีตั้งแต่ขาขึ้น ขาลง …
รู้จัก Copy Trade กลยุทธ์ตัวช่วยนักเทรดแบบง่ายๆ ก้อปปี้ตามได้!
รู้จัก Copy Trade กลยุทธ์ตัวช่วยนักเทรดแบบง่ายๆ ก้อปปี้ตามได้! ธรรมชาติของการลงทุนโดยเฉพาะในโลกของคริปโตที่มีความเสี่ยงสูง นักเทรดส่วนน้อยเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดและประสบความสำเร็จ ผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์มากพออาจจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการเทรดหรือเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ Copy Trade คือฟีเจอร์หนึ่งที่จะเปิดทางให้นักเทรดทั่วไปซึ่งยังไม่มีประสบการณ์หรือความมั่นใจในการลงสนามมีโอกาสได้ติดตามนักเทรดที่มีความสามารถ โดยหลักการทำงานของ Copy Trade คือผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะกดติดตามนักเทรดที่เป็นผู้นำ โดยตัดสินใจจากผลงานที่ทำได้หรือมีกลยุทธ์การเทรดที่ตรงกับสไตล์ส่วนตัว Copy Trade จึงเป็นตัวช่วยสำหรับนักเทรดที่ยังไม่มีประสบการณ์สามารถสร้างผลตอบแทนจากการเทรดได้และอาจจะใช้การติดตามผู้นำเป็นการเรียนรู้การเทรดไปในตัวด้วย เมื่อมีประสบการณ์ที่มากพอ อนาคตจากเดิมที่เป็นผู้ติดตามก็สามารถที่จะพัฒนาตัวเองเป็นผู้นำเทรดได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามแม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักเทรดมืออาชีพแต่ไม่สามารถที่จะการันตีได้ว่าจะไม่เกิดผลขาดทุน ก่อนจะใช้งาน Copy …
รู้จักเหรียญ Worldcoin (WLD)
หลังจากได้ทำความรู้จักกับเหรียญ SUI หรือสวี กันอย่างดีไปแล้ว มาทำความรู้จักกับอีกหนึ่งเหรียญสุดฮ็อตอย่าง WLD ที่เป็นหนึ่งในสองเหรียญจากแคมเปญ โหวตครั้งที่ #3 ที่ Freedom DAO : ลิสต์เหรียญ WLD และ SUI เข้ากระดานเทรดบิทาซซ่า พร้อมเทรดได้ด้วยเงินบาทอย่างถูกต้อง ถูกใจ …