ทำความรู้จัก Dow Theory ทฤษฎีพื้นฐานของการลงทุนทางเทคนิค
Dow Theory คือทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์กราฟเทคนิค คิดค้นและพัฒนาขึ้นมากว่า 100 ปีแล้วโดยบุคคลชื่อ Charles Henry Dow กล่าวได้ว่าเป็นแนวคิดที่เป็นอมตะสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มราคาโดยจะมีหัวใจสำคัญอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ
- ราคาที่เห็นสะท้อนปัจจัยทุกอย่างในตลาดอยู่แล้ว ( Prices Discount Everything): Dow Theory ได้อธิบายว่าราคาที่เห็นในกระดานซื้อได้สะท้อนปัจจัยทุกสิ่งทุกอย่างไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐาน ข่าว เหตุการณ์ อารมณ์ตลาด ฯลฯ ผู้ที่ใช้กราฟเทคนิคจึงต้องตัดอคติหรือความคิดเห็นส่วนตัวออกไปแล้วเทรดไปตามกราฟที่เกิดขึ้นได้เลย
- ทุกปัจจัยในการวิเคราะห์มีความสอดคล้องกัน (Market Indexes Must Confirm Each Other): ปัจจัยต่างๆที่นำมาใช้วิเคราะห์การเทรดไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจมหภาค ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ปัจจัยพื้นฐานเฉพาะสินทรัพย์นั้นๆรวมถึงกราฟเทคนิค สามารถที่จะนำมาใช้วิเคราะห์การเทรดร่วมกันได้ทั้งหมดเพื่อที่จะหาโอกาสในการทำกำไร
- วอลลุ่มช่วยยืนยันแนวโน้มราคา (Volume Must Confirm The Trend): วอลลุ่มหรือปริมาณการซื้อขายจะเป็นตัวช่วยยืนยันว่าแนวโน้มราคาที่ขึ้นหรือลงนั้นเป็นของจริงหรือถูกควบคุมราคาโดยรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย การที่ราคาจะปรับตัวขึ้นได้อย่างมั่นคงจึงจำเป็นที่จะต้องมีปริมาณซื้อขายเข้ามาสนับสนุนด้วย ถ้าหากปริมาณซื้อขายไม่มากนักอาจจะเป็นเพียงแค่การปรับตัวขึ้นชั่วคราว
- ราคาจะขึ้นจนกว่าจะไม่ขึ้นและจะลงจนกว่าจะลง (Trends exist until definitive signals prove that they have ended): แนวโน้มราคาประกอบไปด้วยแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ขาลง (Downtrend) และแนวโน้มออกข้าง (Sideway) ตราบใดที่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นก็ยังจะสามารถถือสินทรัพย์นั้นต่อไปได้จนกว่าแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลง ขณะที่หากราคาเป็นขาลงและยังไม่เกิดจุดกลับตัวเป็นขาขึ้นยังจะสามารถขาดทุนไปได้เรื่อยๆ นักเทรดจึงต้องซื้อขายตามแนวโน้มของราคาที่เกิดขึ้น
- แบ่งภาพของตลาดออกเป็นเล็ก กลาง ใหญ่: ตลาดมีการเคลื่อนไหวหลักอยู่ 3 รูปแบบ คือแนวโน้มใหญ่ (Primary trend) ระยะเวลา 1-3 ปี หรือมากกว่า แนวโน้มกลาง (Intermediate trend) ระยะเวลา 3 สัปดาห์ 3 เดือน หรือมากกว่า แนวโน้มระยะสั้น (Minor trend) รายวัน เดือน หรือมากกว่า การแบ่งแนวโน้มออกเป็นภาพใหญ่ กลาง เล็ก จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการลงทุนได้ตามแนวโน้มราคา เช่น ภาพใหญ่ของราคาอาจจะยังเป็นขาลงแต่ภาพเล็กกำลังเป็นขาขึ้น กลยุทธ์ที่เราใช้อาจจะยังต้องเทรดเก็งกำไรระยะสั้นไปก่อนให้ภาพใหญ่กลับเป็นขาขึ้นถึงจะลงทุนระยะยาวได้
- แนวโน้มตลาดแบ่งเป็น 3 ช่วงหลักตามพฤติกรรมนักลงทุน: 3 ช่วงหลักประกอบไปด้วยช่วงสะสม (The accumulation phase) ช่วงมหาชนมีส่วนร่วม (The public participation phase) ช่วงแจกจ่ายหรือปล่อยของ (The distribution phase) ช่วงสะสมจะเป็นช่วงที่มวลชนยังไม่ให้ความสนใจมากนักแต่พอเริ่มมีนักลงทุนบางส่วนเริ่มเข้าทะยอยสะสมจนกระทั่งราคาเริ่มขึ้นไปได้จะเข้าสู่ช่วงที่มวลชนจำนวนมากขึ้นเข้ามาซื้อขายขึ้นแต่ราคายังไม่ถึงจุดพีค จนกระทั่งราคาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดก็จะเข้าสู่ช่วงที่ผู้ซื้อมาในราคาต่ำเทขายออกไป ผู้ที่เข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นจะขาดทุนในช่วงนี้
Dow Theory ทั้ง 6 ข้อนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการใช้เครื่องมือทางเทคนิคตลอดจนการเรียนรู้ศาสตร์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีความซับซ้อนต่อไปในอนาคต ผู้ที่คิดจะเป็นนักเทรดจึงต้องเข้าใจพื้นฐานนี้เสียก่อนที่จะเข้าสู่สนาม
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
You might also like
More from ตลาด
บทความสรุปจาก BGTH 2023 “ขั้นต่อไปของ Web3”
งาน Blockchain Genesis, Thailand Blockchain Week 2023 ที่ผ่านมานอกจากบิทาซซ่าจะได้ยกทั้งระบบนิเวศ Freedom ไปโชว์แล้ว ในส่วนของทีมบิทาซซ่ายังได้มีการร่วมเสวนาสุดพิเศษจากคุณดีดี้ วิมลพรรณ วิบูลย์มา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสารและการตลาดในหัวข้อ “พัฒนาการขั้นต่อไปของ Web3 สู่การใช้งานในวงกว้าง” ซึ่งสำหรับใครที่พลาดไปก็สามารถอ่านบทความสรุปได้ที่นี่เลย! ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีเทคโนโลยีที่อยู่บนบล็อกเชนเกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็น …
สรุป 3 ประเด็นใหญ่ที่คุณต้องรู้เมื่อผ่านปี2566 มาแล้วครึ่งทาง
ขอปรบมือดังๆให้ชาวคริปโตทุกท่านที่ร่วมเดินทางกันมาเลยครึ่งทางของปี 2566 กันแล้วถึงแม้เหรียญเจ้าตลาดคริปโตอย่าง Bitcoin(BTC) จะเป็นแชมป์ผลตอบแทนสูงสุดครึ่งปีแรกถึง 83% พลิกบทบาทครั้งใหญ่จากปีที่แล้วที่ร่วงลงกว่า 60% เส้นทางในอนาคตจะเป็นอย่างไร? เราสรุปมาให้ทั้งหมด 3 ประเด็นใหญ่ที่คุณต้องรู้ 1. สถาบันการเงินแห่ขอเปิด Bitcoin ETF การเข้ามาขอเปิด Bitcoin Spot ETF จากสถาบันการเงินใหญ่ทั่วโลก เช่น Blackrock, Fidelity …
Bitcoin Halving เหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดของ Bitcoin ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2024
การ Halving ของ Bitcoin เป็นสิ่งที่ทุกคนติดตามและให้ความสนใจกันอย่างมากในโลกของคริปโต โดยจะเกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี เพื่อลดความเร็วในการสร้าง Bitcoin เพื่อ #ควบคุมปริมาณ การ Halving ล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2020 และการ Halving ครั้งต่อไปคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2024 การ …