บิทาซซ่าไวท์เปเปอร์ 2.0 : แผนทิศทางกลยุทธ์เชิงลึกฉบับย่อ อ่านจบภายใน 5 นาที!
บทนำ
บิทาซซ่าไวท์เปเปอร์ 2.0 ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นได้ในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีบล็อกเชนในชีวิตประจำวันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ของบิทาซซ่า BTZ โทเคนเพื่อการใช้งาน (ยูทิลิตี้โทเคน) และเหรียญที่คงมูลค่าด้วย USD นั่นก็คือเหรียญ USDF (USD Freedom) ไวท์เปเปอร์ของจะวิเคราะห์ปัญหาหลักที่เห็นได้จากหลายกรณีของการนําเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นที่โยงเกี่ยวกับเหรียญสเตเบิลคอยน์และยูทีลิตี้โทเคน รวมไปถึงเรื่องเศรษฐศาสตร์โทเคนด้วย นอกจากนี้ ไวท์เปเปอร์ของเราจะอธิบายระบบโทเคนทั้งสองชนิดของบิทาซซ่า ช่องทางการใช้ชําระเงินผ่านคริปโตจากพันธมิตรทางธุรกิจของบิทาซซ่า และนำเสนอแนวคิดใหม่ในการกํากับอุปทานของยูทิลิตี้โทเคนของเราในระยะยาว ในส่วนท้าย ไวท์เปเปอร์จะบรรยายถึงแผนการการแจกจ่ายโทเคน และการขยายระบบนิเวศในอนาคต
เปิดโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วยบล็อกเชน
แม้ว่าในทศวรรษที่ผ่านมาจะมีความก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีบริการทางการเงินขั้นพื้นฐานที่ยังขาดแคลนยังคงเป็นปัญหาระดับโลก รายงานล่าสุดของ World Bank แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนของคนที่ได้รับบริการของธนาคารทั่วโลกอยู่ที่ 69% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 51% ในปี 2554 และ 62% ในปี 2557 อย่างไรก็ตาม ยังมีประชากรทั่วโลกกว่า 31% ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้เลย ทั้งการชำระเงิน, ออมทรัพย์, เครดิต และ ประกัน
ปัญหาที่ 1: ความเสี่ยงที่แอบแฝงอยู่ในสเตเบิลคอยน์
แม้ว่าจะมีการสร้างเหรียญสเตเบิลคอยน์ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความผันผวนแต่ในทางปฏิบัติได้มีเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นจริงแล้วว่าการทำให้ราคาเหรียญเสถียรนั้นทำให้เกิดขึ้นจริงได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ในเหรียญที่มีการยอมรับอย่างกว้างขวางและมีเงินทุนหนุนมากมายก็ตาม
ปัญหาที่ 2: การใช้งานจริงที่จํากัดของโทเคนจากศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ณ ปัจจุบัน
หากเรามองที่ผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี หรือ exchanges ชั้นนำตามมูลค่าตลาดแล้ว เหรียญโทเคนที่มาจากเอ็กซเช้นจ์เหล่านี้จะจำกัดการใช้งานได้จริงอยู่ภายในระบบนิเวศเท่านั้น และจะมีประโยชน์น้อยมากเมื่ออยู่นอกแพลตฟอร์ม
โซลูชั่นของเรา
จากปัญหาต่าง ๆ ตามที่ได้กล่าวถึงข้างต้นนั้น บิทาซซ่าได้รวบรวมสิ่งที่น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการออกแบบโทเคนของเรา โดยประยุกต์วิธีแก้ไขปัญหาเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว แนวทางเศรษฐศาสตร์โทเคนของบิทาซซ่าจึงไม่ได้เป็นการสร้างนวัตกรรมแหวกแนวใด แต่เน้นการใช้ข้อมูลเชิงลึกจากเศรษฐศาสตร์จุลภาคและทฤษฏีเกมที่ทดสอบแล้ว รวมไปถึงทฤษฏีเกี่ยวกับการประมูลที่มีความก้าวหน้าล้ำสมัย
วิวัฒนาการการบริหารเงินสำรอง
USDF มีวิวิวัฒนาการการรองรับมูลค่าเหรียญถึง 3 ระยะ เพื่อสามารถรองรับความเสี่ยงในช่วงตลาดผันผวนและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือได้ตามความจำเป็น
ระยะ 1: สินทรัพย์ค้ำประกันด้วยเงินเฟียต 100%
ระยะ 2: สินทรัพย์ค้ำประกันด้วยคริปโตมากกว่า 100%
ระยะ 3: การแลกเปลี่ยนรักษาเสถียรภาพด้วย USDF
ปัญหาของ LUNA/UST
- รูปแบบตลาดของระบบ “atomic swaps” ของ Terra ทำให้เหรียญสเตเบิลคอยน์ ต่าง ๆ ของ Terra สามารถแลกเปลี่ยนระหว่าง LUNA และ UST ผ่านอัลกอริธึม algorithmic market maker (AMM) และอนุญาตให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยน LUNA มูลค่า 1 ดอลลาร์กับ 1 เหรียญ UST และกลับกันได้เสมอ ผู้ใช้งานจะได้ประโยชน์จากโอกาสที่กล่าวไปในช่วงที่ระบบมีการเบิร์น UST ให้เป็น LUNA ผู้นั้นจําเป็นต้องมีความเชื่อมั่นในมูลค่าระยะสั้นของ LUNA ว่าจะไม่มีทางเป็นศูนย์ ตามการคาดการณ์ แล้วการที่ราคา LUNA จะล้มลงก่อนในช่วงเวลาที่จะแลกเปลี่ยนสำเร็จจึงตกอยู่ในมือของผู้ที่จะเข้ามาอาบิทราจนอกจากนี้ยังมีแรงกดดันอย่างต่อเนื่องกับราคาที่ลดลงของ UST จึงทำให้เหรียญ LUNA ไหลทะลักเข้าสู่ตลาดผ่านการแลกเปลี่ยนแบบ swap ส่งผลให้ราคาตกลงอย่างรวดเร็ว
- สิ่งที่ขับเคลื่อนหลัก ๆ ให้เหรียญ UST เป็นที่ยอมรับนั้นไม่ใช่การนำใช้ชําระเงินสําหรับสินค้าบริการผ่านแอปพลิเคชันชําระเงินผ่านมือถือของ (CHAI) พลังผลักดันความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกันครั้งนี้ที่แท้แล้วไม่ใช่ LUNA กับรายได้จากเศรษฐกิจที่สร้างสะสมมา แต่ที่จริงคือผลตอบแทนสำหรับผู้ถือ UST ที่สูงแบบไม่เคยเห็นเกิดที่ไหนมาก่อน โดยปัจจัยเดียวกันนี้เป็นสิ่งสร้างมูลค่าให้กับ LUNA ตามรูปแบบของตลาดที่ Terra สร้างขึ้น
สิ่งที่ทำให้ BTZ/USDF แตกต่าง
โมเดลการรักษาเสถียรภาพในการแลกเปลี่ยนของ BTZ / USDF จะใช้ Constant Product Market Maker (CPMM) ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองโทเคนปรับแบบอัตโนมัติได้ ทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนมีมูลค่าที่สูงขึ้นเรื่อยๆจากจุดคงมูลค่าตามเดิม ทำให้ลดความเสี่ยงของความเป็นไปได้ว่าเหรียญใดเหรียญหนึ่งจะหมดปริมาณลงโดยปริยาย
ประการที่แรก วิวัฒนาการของ USDF จะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปช่วยสร้างสัมพันธมิตรที่ดีต่อผู้มีส่วนร่วมในตลาดที่ตัดสินใจยอมรับ USDF ในฐานะสเตเบิลคอยน์ที่บริหารอย่างมีเสถียรภาพในช่วงเปลี่ยนผ่านจากการใช้เงินสดค้ำประกันมาเป็นคริปโต และในที่สุดจะใช้รูปแบบที่อัลกอริธึมซึ่งมีการอิงกับอารมณ์ความรู้สึกน่าเชื่อถือที่สุด โดยการตัดสินใจเกี่ยวกับขั้นตอนของการเปลี่ยนสินทรัพย์ค้ำประกันนั้นจะต้องเกิดตามดุลยพินิจของฝ่ายบริหารซึ่งจะถูกชี้วัดด้วยมาตรวัดและเกณฑ์ที่กำหนดต่าง ๆ
ประการที่ที่สอง Freedom จะจํากัดอัตรา leverage ของ USDF ให้ไม่สูงกว่า 25% เพื่อให้มูลค่าของเงินเฟียต (Fiat) ที่ถูกใช้เป็นสินทรัพย์คำ้ประกันไม่ตำ่กว่า 80% ของมูลค่าที่ตราหน้าไว้ของ USDF ที่ทาง Freedom ได้นําเข้าสู่ตลาด ซึ่งการปฎิบัติเช่นนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือ USDF แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมากกว่าปกติก็ตาม และจะทําให้ Freedom สามารถระดมทุนผ่านวงเงินสินเชื่อที่ทางบริษัทเจรจาไว้ล่วงหน้า เพื่อรักษาเสถียรภาพของเหรียญได้ตามความจำเป็น
ประการที่สาม BTZ และ USDF จะได้รับการสนับสนุนจากรายได้จากทางเศรษฐกิจที่แท้จริงและน่าเชื่อถือ ในช่วงวิวัฒนาการระยะที่ 3 Freedom จะต้องมั่นใจว่ารายได้จากเศรษฐกิจจริงที่เกิดขึ้นในระบบนิเวศที่ใช้เหรียญ BTZ นั้น มีความสอดคล้องกับราคาตลาดของ BTZ และสื่อถึงอัตราราคาต่อรายได้ที่สมเหตุสมผล
ประการที่สี่ ระหว่างรูปแบบของบิทาซซ่าเมื่อเทียบกับรูปแบบการแลกเปลี่ยนเพื่อรักษาเสถียรภาพ (swap-stabilization mechanism) อื่น ๆ (ซึ่งรวมถึงรูปแบบที่ Terra ใช้ด้วย) นั่นก็คือ “กลไกการแลกเปลี่ยนเหรียญแบบทิ้งช่วงเพื่อรักษาเสถียรภาพมูลค่า” กล่าวคือในขณะที่อยู่ในระยะที่สาม USDF จะสามารถแลกเปลี่ยนกับ BTZ ได้ด้วยมูลค่า 1 ดอลลาร์ โดยที่ BTZ จะถูกล็อคไว้ก่อนที่จะถึงเวลาปล่อยออกมาตามกำหนด หาก USDF เคลื่อนออกจากการตรึงมูลค่า จะมีการปล่อย BTZ ออกมาด้วยกลไกแลกเปลี่ยนเพื่อช่วยลดปริมาณโทเคน USDF ที่หมุนเวียน และไม่ส่งผลกับจำนวนที่สำรองไว้ อัตราส่วนเงินสำรองระยะสั้นสำหรับ USDF ก็จะเพิ่มขึ้น การปล่อยเหรียญแบบทิ้งช่วงทำให้ BTZ จะไม่ตกเป็นเหยื่อของการเทขายในตลาดโดยคนที่มาอาบิทราจ และทาง Freedom ก็จะมีเวลาเหลือเฟือเพื่อระดมทุนเพื่อรองรับเงินสำรองระยะยาวสำหรับ USDF
เป้าหมายในระยะยาวของ BTZ และ USDF ที่บิทาซซ่าตั้งไว้คือหน้าที่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่แท้จริงให้แก่ผู้ถือ BTZ ด้วยการใช้กลไกการแลกเปลี่ยนเหรียญแบบทิ้งช่วงเพื่อรักษาเสถียรภาพมูลค่า เหรียญ BTZ ที่มีมูลค่าจากรากฐานที่มั่นคงก็จะทำให้ USDF มีมูลค่าเท่าเหรียญดอลลาร์ได้อย่างยั่งยืน
โทเคนที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย ซึ่งไม่ได้ผูกติดกับตัวแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
โทเคนยูทิลิตี้ของบิทาซซ่าจะกลายมาเป็นเหรียญที่มีการใช้งานจริงหลากหลายที่สุดหากเทียบกับเหรียญจากเอ็กซ์เช้นจ์อื่น ทั้งส่วนลดค่าเทรด การวางสเตก และโครงการ Freedom Card และ Freedom Wallet และ องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (DAO) (ไตรมาสที่4 2565)
ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดของบิทาซซ่า
โทเคนยูทิลิตี้บิทาซซ่า (BTZ) เป็นโทเคนในเครือข่าย ERC-20 และยังมี USD Freedom (USDF) สเตเบิลคอยน์ซึ่งถูกสร้างโดยการขึ้นกับสกุลเงินที่ออจากรัฐบาลของแต่ละประเทศ 100% โดยในที่นี้มีการตรึง 1: 1 กับดอลลาร์สหรัฐในระบบโซลูชันบล็อกเชนของ บิทาซซ่า หรือ Decentralized Ethereum Virtual Machine (EVM) ด้วยระบบ delegated Proof-of-Stake (dPoS)
Freedom Card เป็นอีกหนึ่งช่องทางการใช้จ่ายผ่านความร่วมมือกับ Visa ซึ่งสามารถเติมเงินเข้าไปในบัตรด้วยเงินบาทผ่านแอปฯ บิทาซซ่าได้ทุกที่ทุกเวลา โดยคุณสมบัติของผู้ถือบัตรคือต้องมีการ วางสเตก BTZ ตามจำนวนขั้นต่ำที่ได้ระบุไว้ ซึ่งจะมีการแบ่งประเภทสมาชิกด้วยจำนวนเงินที่ วางสเตก ซึ่งอัตราการคืนเงินและสิทธิประโยชน์ก็จะเพิ่มขึ้นตามประเภทของสมาชิกนอกจากนี้ผู้ถือบัตร Freedom Card สามารถเข้าถึงเครือข่ายการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผ่านทางร้านค้าของ Visa ซึ่งสามารถใช้ได้กับผู้ค้า 44 ล้านรายในมากกว่า 200 ประเทศ/เขตพื้นที่ทั่วโลก ซึ่ง Freedom Card จะให้เงินคืนสูงสุดถึง 10% โดยจ่ายเป็นโทเคน BTZ ซึ่งสูงกว่าอัตราสูงสุด 8% ที่ Binance และ Crypto.com
Freedom Wallet คือโซลูชั่นการชำระเงินทางมือถือโดยการนำบล็อกเชนมาใช้งานผ่าน iOS และ Android ซึ่งการทำธุรกรรมจะถูกขับเคลื่อนโดยเหรียญ BTZ โดยผู้ค้าหรือร้านค้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้าเพื่อทำการตั้งค่าโซลูชันการใช้งานที่ปรับแต่งเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน นอกเหนือจากนี้จะมีค่าบริการรายเดือน โดยกำหนดให้จ่ายค่าธรรมเนียมทั้งสองส่วนนี้ด้วยเหรียญ BTZ
ข้อมูลของเหรียญ BTZ
นโยบายการปรับอุปทานเหรียญในระยะยาว
กลไกการซื้อคืนและเผาเหรียญ (Buyback-and-Burn) คือ การซื้อคืนโทเคนและเผาเพื่อลดอุปทาน ซึ่งการเผาทิ้งอาจเป็นการ ทำลายคุณค่าของสินทรัพย์ ในทางทฤษฎีการลดอุปทานทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เกิดจากปริมาณความต้องการสกุลเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง หรือตามคำกล่าวที่ว่า“การเผาเหรียญไม่ได้สร้างมูลค่าใหม่ เพียงแจกจ่ายมูลค่าปัจจุบันให้กับกลุ่มคนจำนวนน้อย โดยกระบวนการเผาเหรียญยังส่งผลให้การเติบโตของแพลตฟอร์มชะลอลง เนื่องจากถ้ามีการลดปริมาณการใช้สินทรัพย์ทุนดังกล่าว มูลค่าโดยรวมของแพลตฟอร์มก็จะลดลงตามไปด้วย และเมื่อใดก็ตามที่ราคาของโทเคนไม่ได้ปรับขึ้นด้วยอัตราที่เทียบเท่ากับการเผาเหรียญในทันที การเผานั้นจะส่งผลให้มูลค่ารวมของหลักทรัพย์ในตลาดลดลง
กลไกการซื้อเหรียญคืนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อ (Buyback-and-Make) คือการทำให้เกิดเหรียญหมุนเวียนในแพลตฟอร์มหรือเครือข่าย โดยรายได้ที่ได้รับจากเครือข่ายจะถูกนำไปใช้เพื่อซื้อโทเคนยูทิลิตี้ของเครือข่ายตัวเองโดยอัตโนมัติและนำกลับมาแจกจ่ายให้กับผู้ที่ทำงานร่วมกับเครือข่ายต่อไป แม้ว่ากลยุทธ์ “การซื้อคืนแล้วนำไปใช้ประโยชน์ต่อ” จะตอบโจทย์กับการจัดการอุปทานโทเคนและการบริหารเงินทุนที่ดี แต่ยังคงมีอีกสองประเด็นที่มองข้ามไม่ได้คือการนำมาใช้งานได้จริงและความเฉพาะเจาะจงในการใช้ บิทาซซ่า จึงเสนอโมเดล ‘การซื้อคืน การแจกจ่ายซ้ำและการส่งสัญญาณ’
โมเดลการกระจายหมุนเวียนเหรียญ และการส่งสัญญาณ
ในโมเดลการกระจายหมุนเวียนและการส่งสัญญาณ โทเคนยูทิลิตี้ BTZ ที่ได้รับกลับเข้ามาจากการชำระเงินสำหรับการสมัครสมาชิก Freedom Wallet และแจกจ่ายให้กับผู้ที่สร้างมูลค่าและส่งสัญญาณให้กับเครือข่าย เมื่อแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนและระบบนิเวศเติบโตขึ้น เราจะใช้ส่วนหนึ่งของค่าคอมมิชชั่นการซื้อขายและรายได้จากธุรกรรมเพื่อซื้อ BTZ คืน ดังนั้น โมเดลนี้จึงเป็นหนึ่งในการแจกจ่ายและการส่งสัญญาณซึ่งจะมีการพัฒนาเพื่อรวมเป็นองค์ประกอบการซื้อคืน
การส่งสัญญาณที่มีความน่าเชื่อถือ
ในทฤษฎีเกม (Game Theory) การส่งสัญญาณจะมีความน่าเชื่อถือหากผู้ที่สังเกตการณ์สามารถตีความออกมาได้อย่างถูกต้องถึงสิ่งที่ผู้เล่นมีแนวโน้มที่จะเลือกในเกมที่มีความผันผวนสูง ถึงแม้จะมีข้อมูลไม่ครบถ้วน สำหรับเหรียญ BTZ ออกแบบให้ถูกใช้งานสองช่องทาง
สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจ BTZ ส่วนหนึ่งจะได้รับการจัดสรรเพื่อขายหรือประมูลให้กับพันธมิตร Freedom Wallet โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น จำนวนผู้ใช้งานรายเดือนสำหรับกระเป๋าเงิน white-label ของผู้ค้าแต่ละราย ไปจนถึงการมีส่วนร่วมในระบบนิเวศ แทนที่จะเป็นการประมูลโดยทั่วไปการขายลดราคาจากดุลยพินิจของฝ่ายบริหาร หรือขึ้นอยู่กับผลการลงคะแนนผ่านระบบ DAO
สำหรับนักลงทุน เราจะดำเนินการเปิดประมูลเป็นรอบ ๆ ให้กับผู้ถือ BTZ โดยผู้เข้าร่วมสามารถทำได้โดยการวาง BTZ ในจำนวนที่เขายินดีจะสเตก ผู้ที่ชนะการประมูลจะได้รับ BTZ พร้อมกับราคาที่ชนะการประมูลด้วยข้อกำหนดในการ วางสเตก ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งการประมูลนั้นจะทำผ่านสัญญาอัจฉริยะ เพื่อป้องกันการยกเลิกหรือปฏิเสธและเป็นกลไกทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นสำหรับผู้เข้าร่วมที่ไม่เชื่อในการใช้งานของโทเคนและแพลตฟอร์มในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไป การกำหนดระยะเวลาของการวางสเตก อาจตัดสินใจจากการโหวตผ่าน DAO
การรวมหลักฐานเชิงประจักษ์เข้ากับคำอธิบายเชิงทฤษฎีทำให้เรามั่นใจว่าโมเดลรูปแบบการกระจายหมุนเวียนเหรียญ และรูปแบบการส่งสัญญาณกลยุทธ์ของเราจะเพิ่มการทำงานที่มีประสิทธิภาพสำหรับการควบคุมเศรษฐศาสตร์ของโทเคนในระยะยาวสำหรับ BTZ
การประมูลแบบแท่งเทียน (Candle Auction)
บิทาซซ่า ใช้การประมูลแบบแท่งเทียนผ่านสัญญาอัจฉริยะสำหรับการแจกจ่าย BTZ เพื่อช่วยลดปัญหาการซื้อขายตัดหน้าและการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสัญญาอัจฉริยะ
บทบาทในระบบเศรษฐกิจของ BTZ
ผู้วางสเตก BTZ
เพื่อช่วยให้แน่ใจว่าราคามีเสถียรภาพในระยะสั้น บิทาซซ่า วางแผนที่จะเปิดตัวพอร์ทัล (Portal) ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 สำหรับผู้ถือ BTZ ในการวางสเตก ในระยะเวลาการล็อกขั้นต่ำ 30 วัน เพื่อแลกกับการจ่ายผลตอบแทนเป็นเหรียญ BTZ และ การวางสเตกเหรียญ BTZ จะใช้เวลาอย่างน้อยสี่ปีในการจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของการจัดสรรในระบบนิเวศและการเติบโตของชุมชน นอกจากนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถให้ผลตอบแทนในอัตราที่แข่งขันกับตลาดได้ และจะสรุปได้ต่อเมื่อระบบนิเวศของ บิทาซซ่า ได้รับการพัฒนาอย่างเพียงพอจนถึงจุดที่เหมาะสม เช่น ส่วนลดค่าธรรมเนียมในการจัดการสินทรัพย์จะสามารถสร้างแรงจูงใจให้สำหรับผู้ที่ถือเหรียญ BTZ
สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกตคือ ความต่อเนื่องของโมเดลการวางสเตก ไม่ได้ทำให้เกิดการขาดแคลนในอุปทานของ BTZ
ประการแรก ในส่วนของผลตอบแทนที่ได้ถูกจ่ายออกไปให้กับจากการวางสเตก พันธมิตรทางธุรกิจและเพื่อการพัฒนาธุรกิจส่วนอื่น ๆ อีกส่วนหนึ่งของ BTZ จะไหลกลับเข้ามาผ่านการชำระคืน จากการใช้งานของสมาชิก Freedom Wallet เพื่อแจกจ่ายต่อตามรูปแบบโมเดลการส่งสัญญาณทางกลยุทธ์ของเรา
ประการที่สอง ผู้วางสเตกเหรียญ BTZ สามารถเปลี่ยนไปจ่ายผลตอบแทนภายนอกเพื่อรักษาระบบหมุนเวียนของสินทรัพย์ คือโทเคน BTZ
โครงสร้างในระบบการบริหารของบิทาซซ่า
คณะผู้บริหารหลักของบิทาซซ่า CEO ของ Bitazza Global และผู้บริหารระดับสูง เป็นคนกลุ่มแรกที่สามารถชี้แนะและหารือเกี่ยวกับประเด็นข้อเสนอที่สำคัญ หากเมื่อมีกำหนดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นและเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ทางบิทาซซ่าจะอ้างอิงการลงคะแนนตาม DAO เพื่อสร้างตัวแปร หรือค่าเฉลี่ยตามลำดับที่สองต่อไปนักลงทุนผู้ถือ BTZ /ผู้ที่ฝาก BTZ ไว้กับระบบ
ผู้ถือ BTZ จะสามารถลงคะแนนผ่าน DAO เกี่ยวกับรายละเอียดของข้อเสนอบางประการได้ (เช่น จะจัดสรร BTZ ให้กับพันธมิตรในประเทศเวียดนามเท่าใด) ก่อนที่จะเปิดให้เป็นการตัดสินใจแบบ DAO จะได้รับการแนะนำภายใต้การทำงานที่สอดคล้องกับส่วนที่กำหนดโดยฝ่ายบริหาร เพื่อให้ได้ผลลัพท์ดีที่สุดและมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพในความรับผิดชอบ
การจัดสรร BTZ
50% จะถูกจัดสรรเพื่อการขยายธุรกิจไปทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการสร้างชุมชนและแรงจูงใจในระบบนิเวศในทุกตลาดรวมถึงประเทศไทย การขยายออกสู่ตลาดสากลนำโดย CEO ของ Bitazza Global และผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง แต่ในที่สุดจะเสริมด้วยการตัดสินใจตาม DAO โดยสิ่งจูงใจดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับค่าตอบแทนของบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เหลืออย่างน้อย 38.5% ของอุปทาน BTZ ทั้งหมดสำหรับวัตถุประสงค์ของการขยายระบบนิเวศและชุมชน ตลอดจนการเป็นพันธมิตรร่วมและการพัฒนาต่อยอดธุรกิจไปทั่วโลก
แผนการขยาย
Bitazza Global จะดูแลการขยายบิทาซซ่าไปทั่วโลก นอกจากการใช้ทั้งแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนและโทเคน BTZ ที่จัดสรรสำหรับผู้ใช้ต่างประเทศแล้ว ในอนาคต Bitazza Global จะจัดตั้งบริษัทในเครือและการร่วมทุน (JV) ในท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการตลาดและส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจโดยมีเป้าหมายของการขยายโดยจัดลำดับความสำคัญของตลาด เมื่อเราเห็นชัดเจนว่าประเทศนั้นสามารถ เป็นตัวแทนที่สร้างโอกาสในการทำกำไรได้ เราจะเริ่มการจ้างแรงงานท้องถิ่นและจัดสรรโทเคน BTZ ส่วนหนึ่งจำนวน 1.5 พันล้านเหรียญสำหรับการขยายสู่ตลาดทั่วโลก
เป้าหมาย ตลาด/ภูมิภาค
เราตรวจสอบตลาดและภูมิภาคต่าง ๆ โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมการแข่งขัน ข้อมูลประชากร กฎระเบียบ และระบุพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในหลายแห่ง
คริปโต-ศูนย์กลางเศรษฐกิจกำลังพัฒนา (ช้าง)
เป้าหมายในกลุ่มนี้มีอัตราใช้งานคริปโตสูงเมื่อเทียบกับอัตราที่จำกัดในการเข้าถึงการทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารของประชากรที่เป็นผู้ใหญ่ กลุ่มตลาดนี้อยู่ในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไปจนถึงแอฟริกาและอเมริกาใต้
ประเทศพัฒนาแล้วที่เป็นมิตรกับคริปโต (สุนัข)
เป้าหมายกลุ่มนี้มีกฎเกณฑ์การใช้งานที่ชัดเจนและมีความเอื้ออำนวยต่อคริปโต คือมีรายรับที่สูง และมีการแข่งขันในโครงสร้างตลาดท้องถิ่นด้านอื่น ๆ ค่อนข้างสูง เราพบกลุ่มตลาดนี้ส่วนหนึ่งที่ยุโรป และโอเชียเนีย
You might also like
More from ไวท์เปเปอร์ 2.0
เศรษฐศาสตร์โทเคนของ BTZ
หลังจากที่เราได้ให้คุณมีส่วนร่วมในการโหวตเหรียญเข้ากระดานเทรดบิทาซซ่าผ่าน Freedom DAO โดยใช้ Freedom Passport แล้ว มาทบทวนอีกหนึ่งความสำคัญของเศรษฐศาสตร์โทเคนของ BTZ (The tokenomics of BTZ) ที่เป็นพลังงานหมุนเวียนของบิทาซซ่าและให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมใน Freedom DAO ใช้สิทธิออกเสียงเสนอความเห็นช่วยฝ่ายบริหารวางแผนกำหนดทิศทางของระบบนิเวศของเราได้ มาทำความรู้จักกับเศรษฐศาสตร์โทเคนของ BTZ กันให้มากขึ้นกันเลย . 🥧ปริมาณโทเคนทั้งหมดและการแบ่งสรรปันส่วน ซึ่งปริมาณโทเคน …
สเตเบิลคอยน์ ผันผวนน้อยกว่าจริงหรือ?
คำถามสำคัญที่ชาวคริปโตต้องรู้ สเตเบิลคอยน์ ผันผวนน้อยกว่าจริงหรือ? ถึงแม้สเตเบิลคอยน์ส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตรึงราคาเท่ากับ 1 USD ไม่ว่าตลาดคริปโตจะผันผวนทิศทางใด จากการศึกษาวิจัยใน Bitazza Global ไวท์เปเปอร์ 2.0 พบกว่า การทำให้เกิดขึ้นจริงเป็นเรื่องยากมาก! ตัวอย่างเช่น USD Tether (USDT) สเตเบิลคอยน์ที่นิยมใช้มากที่สุดและมีหลักประกันแบบเฟียต มีค่าเฉลี่ยความผันผวนต่อปีถึง 0.16* ซึ่งเป็นใช้เงินแบบไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่ควรและอาจชะลอการเติบโตของเหรียญนั้นๆ …
ไฮไลท์ประเด็นเด็ด! Bitazza Global ไวท์เปเปอร์ 2.0
สรุปฉบับอ่านง่ายและไฮไลท์สิ่งสำคัญใน #BitazzaGlobalไวท์เปเปอร์ 2.0 มาเป็นน้ำจิ้มให้ทุกคน เตรียมความพร้อมชาวบิทาซซ่าไปอ่านฉบับเต็มแบบเข้าใจง่ายได้ที่นี่เลย https://bit.ly/FBTH_TH_WHITEPAPER2 รู้หรือไม่? ยังมีคนทั่วโลกถึง 31% ที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน* บิทาซซ่ารวบรวมสิ่งที่น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด ด้วยการประยุกต์เศรษฐศาสตร์โทเคน ข้อมูลเชิงลึกจากเศรษฐศาสตร์จุลภาค และทฤษฏีเกมที่ทดสอบแล้ว สร้างผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่เพื่อเปิดโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง USD Freedom (USDF) สเตเบิลคอยน์ที่คงมูลค่า 100% โดยเงินเฟียตและสเตเบิลคอยน์อื่น ซึ่ง Freedom ผู้สร้างเหรียญได้วางแผนให้ USDF …