จากเมื่อวานการอัพเกรด Bellatrix Consensus Layer Upgrade ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการอัปเกรด Hard fork เข้าสู่ “The Merge” เรามาดูกันดีกว่าว่าจริงๆแล้วการ Fork คืออะไรและทำงานอย่างไร
การ Fork คืออะไร ?
การ Fork เป็นเรื่องปกติเมื่อผู้คนในชุมชนต้องการทำการเปลี่ยนแปลงโปรโตตอลของบล็อกเชนหรือชุดกฎกติกาพื้นฐาน โดยเมื่อเกิดขึ้นแล้วสายของบล็อกเชนจะแยกออกเป็นสายที่ 2 ซึ่งจะใช้ข้อมูลจากบล็อกเชนเดิม แต่มุ่งหน้าในสู่ทิศทางตามกฎกติกาใหม่ที่ได้สร้างขึ้น โดยการ Fork มี 2 รูปแบบคือ Soft Fork และ Hard Fork
Hard Fork คืออะไร ?
Hard Fork คือการสร้างระบบใหม่ที่ไม่สามารถต่อติดและใช้ร่วมกับระบบเก่าได้อีกต่อไป แต่มูลค่าสินทรัพย์จากระบบเดิมจะยังคงมีอยู่ ดังเช่นที่ Ethereum เคยโดนมิจฉาชีพแฮ็คระบบเมื่อช่วงเริ่มก่อตั้งได้ไม่นาน จากนั้นทีมงานก็ได้ทำการ Hard Fork เพื่อปรับปรุงระบบให้ดียิ่งขึ้นโดยการพัฒนาโค้ดใหม่ ปรับปรุงระบบความปลอดภัยต่างๆ โดยที่ยังนำเอาข้อมูลสินทรัพย์ของผู้ใช้เดิมมาใช้งานต่อ ท้ายที่สุดคือผู้ใช้ยังมีมูลค่าสินทรัพย์เท่าเดิม แต่ระบบที่เดินข้างหลังได้เปลี่ยนไปเป็นระบบใหม่เรียบร้อยแล้ว
*ในปี 2559 หลังจากที่การ Hard Fork ของ Ethereum ก็ได้มีนักพัฒนาแยกออกมาทำ Ethereum Classic (ETC) ซึ่งนำข้อมูลเดิมมาใช้ต่อ ทำให้มีข้อมูล 2 ชุด ใครที่มี ETH เดิมก่อนหน้า ก็จะมี ETH ในระบบใหม่ด้วย และ มีใน ETC ด้วย
- Ethereum (ETH) คือ สกุลเงิน Ethereum ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว
- Ethereum Classic (ETC) คือ สกุลเงิน Ethereum แบบดั้งเดิม สำหรับกลุ่มที่ยังชอบเหรียญ Ethereum แบบออริจินอล
Soft Fork คืออะไร ?
Soft Fork คือมีความคล้ายกับ Hard Fork แต่ผลกระทบน้อยกว่ามาก เพราะสามารถเข้าไปแก้กฎกติกาได้ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มขนาดบล็อก หรือเปลี่ยนโปรโตคอลใหม่ และยังสามารถย้อนกลับไปแก้ไขใหม่ได้อีกโดยโหนดเดิมก็ยังสามารถที่จะรันบล็อคใหม่ได้ด้วยความแตกต่างระหว่าง Hard Fork และ Soft Fork ?
โดยสรุปการ Hard Fork คือการเข้าไปแก้โค้ดเก่าที่มีอยู่แล้ว ในส่วนของข้อกำหนดต่างๆ เพื่อให้เกิดระบบใหม่แยกออกมา ตั้งชื่อเหรียญ เปิดระบบเพื่อให้กลายเป็นเหรียญใหม่นั่นเอง
ส่วนการ Soft Fork จะยังสามารถทำงานร่วมกับระบบเก่าได้อยู่
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ “The Merge” เสร็จสมบูรณ์
การอัปเกรด Ethereum 2.0 “The Merge” จะเกิดขึ้นอาทิตย์หน้าแล้ว ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุค Proof-of-Work และเปลี่ยนผ่านเริ่มต้นสู่ยุคของ Proof-of-Stake อย่างเต็มตัว โดยการรวมครั้งนี้เป็นสิ่งที่อยู่แผนอยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม การรวม mainnet ในปัจจุบันเข้ากับ beacon chain จะทำให้เกิดความเร็วและประหยัดพลังงานมากขึ้นอีกด้วย Vitalik Buterin กล่าวว่าหากอัปเกรดเสร็จสิ้น Ethereum จะสามารถประมวลผลธุรกรรมได้ 100,000 รายการต่อวินาที
การอัปเกรด The Merge ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับชุมชนชาวคริปโต ต้องรอดูและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดกับ “บิทาซซ่า” ไปพร้อมๆกัน และ ในกรณีที่มีฟอร์คโทเคนใหม่ บิทาซซ่าจะประเมินการการสนับสนุนและจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประกาศรายละเอียดการสนับสนุนในขั้นต่อไป
คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
แหล่งข้อมูล
You might also like
More from บล็อกเชน
Freedom DAO ครั้งที่ 5 โหวตเหรียญที่ชอบ โทเคนที่ใช่ บนแพลตฟอร์ม Bitazza
กลับมาอีกครั้งกับ Freedom DAO ครั้งที่ 5 มอบอำนาจในการตัดสินใจแก่ชาวบิทาซซ่า เพื่อเลือกคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลที่คุณอยากให้เราลิสต์บนแพลตฟอร์ม Bitazza เราได้คัดสรรเหรียญและโทเคนที่น่าสนใจมาถึง 20 รายการ ให้คุณเลือก 5 เหรียญที่คุณชื่นชอบ แต่เราจะลิสต์เหรียญใหม่ที่ได้รับการโหวตสูงสุดถึง 10 รายการ! จะทำให้แพลตฟอร์ม Bitazza กำลังจะมีเหรียญรวมทั้งหมดมากกว่า 90 เหรียญในเร็ว …
Bitazza ประกาศลิสต์เหรียญใหม่ STX มาทำความรู้จักกันเลย
เหรียญ Stack หรือ STX ได้ลิสต์เข้าแพลตฟอร์มบิทาซซ่าเรียบร้อยแล้ว! เพื่อน ๆ สามารถทำการซื้อ ขาย และเทรด ได้อย่างอิสระกับอีกกว่า 80 เหรียญคริปโตชั้นนำได้เลย นอกจากเหรียญ STX บิทาซซ่ายังได้ลิสต์เหรียญอีก 4 เหรียญ จากการเลือกของเพื่อน ๆ ผ่านการโหวต Freedom …
Bitazza ประกาศลิสต์เหรียญใหม่ FIL มาทำความรู้จักกันเลย!
เหรียญ Filecoin หรือ FIL ได้ลิสต์เข้าแพลตฟอร์มบิทาซซ่าเรียบร้อยแล้ว! เพื่อน ๆ สามารถทำการซื้อ ขาย และเทรด ได้อย่างอิสระกับอีกกว่า 80 เหรียญคริปโตชั้นนำได้เลย นอกจากเหรียญ Filecoin บิทาซซ่ายังได้ลิสต์เหรียญอีก 4 เหรียญ จากการเลือกของเพื่อน ๆ ผ่านการโหวต Freedom …