รู้หรือไม่!? ตลาดคริปโตที่เราซื้อขายเทรดกันอยู่ทุกวันนี้มีอายุเพียง 14 ปี เท่านั้น!
บิทาซซ่าจะมาคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนไป 14 ปีให้เหลือเพียง 1 หน้ากระดาษ! กับความเป็นมาของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปลี่ยนโลกให้สะดวกสบาย ซึ่งมีวิวัฒนาการไปพร้อมๆกับเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น การประยุกต์ใช้จริง เหตุการณ์เศรษฐกิจรอบโลก และนักเทรดอย่างเราๆที่เข้ามาเชื่อถือและใช้งานคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น จนกลายเป็นตลาดทุนก้อนใหญ่ที่ได้การยอมรับอย่างแพร่หลายจากอุตสาหกรรมหลักทั่วโลก
Bitcoin คริปโตเคอร์เรนซีเหรียญแรกของโลก
บิตคอยน์ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. ปี 2551 จากการปล่อยเอกสาร “บิทคอยน์ – ระบบเงินสดแบบอีเล็คโทรนิคส์แบบ Peer-to-peer” โดยผู้สร้างที่ใช้นามแฝงว่า “ซาโตชิ นากาโมโตะ” (Satoshi Nakamoto) ซึ่งตัวตนที่แท้จริงของเขายังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
ต่อมาในปี 2551 บิทคอยน์บล็อกแรกก็ถูกสร้างขึ้นมา โดยการใช้งานจริงครั้งแรกของโลก คือการจ่ายค่าพิซซ่าราคา $25 ด้วย BTC 1หมื่นเหรียญ หากตีเป็นมูลค่าปัจจุบันแล้ว พิซซ่าชิ้นนั้นจะมีมูลค่าถึง 8.8พันล้านบาทเลยที่เดียว!
ยุคแห่งการสร้างเหรียญเลียนแบบบิทคอยน์
ในขณะนั้น บิทคอยน์ยังคงอยุ่ในกลุ่มนักพัฒนาและสายเทคจำนวนหนึ่งเท่านั้น โดยมีกลุ่มคนที่แตกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรกเชื่อในความปลอดภัยสูงสุดของบิทคอยน์และไม่อยากเปลี่ยนแปลง ส่วนอีกกลุ่มมองว่ามีจุดที่พัฒนาต่อไปได้อีก จึงรวมตัวกันสร้าง Litecoin โดยใช้วิธีการ Fork โครงสร้างทั้งหมดจาก Bitcoin แล้วปรับเพิ่ม 3 ด้าน คือ ค่าธรรมเนียมที่ถูกลง เพิ่มความรวดเร็วในการประมวลผลธุรกรรม และการกระจายอำนาจที่มากยิ่งขึ้น โดยมีเหรียญอื่นๆ Hard Fork ตามมา เช่น Bitcoin Cash, Bitcoin Gold
กำเนิด Ethereum
Ethereum ถูกสร้างขึ้นโดย Vitalik Bulletin โดยเขาได้เผยแพร่เอกสารตั้งต้นของโปรเจกต์ในปี 2556 และปล่อยเหรียญออกมาในปี 2558 Ethereum เป็นเครือข่ายบล็อกเชนรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจากบล็อกเชนรุ่นแรกของบิตคอยน์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้มันเป็นได้มากกว่าบิตคอยน์ก็คือความสามารถในการทำสัญญาอัจฉริยะบนบล็อกเชน โดยใช้การ Proof-of-work โดยให้เครื่องคอมพ์แต่ละเครื่องแข่งกันแก้สมการแลกกับสิทธิ์ตรวจสอบธุรกรร
**ปัจจุบันนี้ Ethereum กำลังอยู่ในขั้นตอน อัปเกรด ‘The Merge’ โดยจะเปลี่ยนจากการ Proof of Work เป็น Proof of Stake ซึ่งประสบความสำเร็จในการทดสอบครั้งสุดท้ายเรียบร้อย
DeFi บน Ethereum
Decentralized finance (DeFi) เกิดขึ้นจากความต้องการทำธุรกรรมทางการเงินที่รวดเร็ว ไร้ตัวกลาง และมีค่าใช้จ่ายต่ำ โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตมาแก้ปัญหาแบบ Peer-to-peer เพื่อสร้างระบบทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่ง และ รับรายการธุรกรรมได้อย่างรวด ทั้งการออม กู้ยืม จำนำ หรือธุรกรรมที่ซับซ้อนอื่นๆ
MakerDAO (MKR) คือแพลตฟอร์มสำหรับการกู้ยืมบน Ethereum ที่ผู้กู้จะได้เป็นเหรียญ Dai ที่เป็นสเตเบิลคอยน์เป็นรางวัล โดยมีเหรียญ MKR เป็นโทเคนของเครือข่าย MakerDAO ผู้ถือเหรียญนี้จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมออกเสียงปรับปรุงและพัฒนาแพลตฟอร์มได้
Compound Finance (COMP) เปรียบเหมือนโรงรับจำนำสำหรับสินทรัพย์ที่ทำงานอยู่บนEthereum โดยเราสามารถปล่อยกู้หรือกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลชนิดใดก็ได้ที่มีบน Compound Finance เช่น ETH, USDC, Dai, USDT โดยผู้ใช้งานสามารถร่วมกำหนดทิศทางของแพลตฟอร์มด้วยการถือเหรียญ COMP อีกด้วย
Uniswap (Uni) คือแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสภาพคล่องแบบอัตโนมัติ ผู้ใช้งานสามารถ ซื้อ-ขาย เหรียญที่เป็นมาตรฐาน ERC-20 เช่น Ethereum (ETH), OmiseGO (OMG) ได้ แบบไม่ต้องผ่านตัวกลาง โดยมี UNI เป็นโทเคยประจำแพลตฟอร์ม เพื่อให้ชุมชนผู้ใช้งานเป็นผู้กำหนดทิศทางและมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ DEX เสนอเหรียญใหม่เข้ามาในระบบได้ ให้สภาพคล่องได้ และมีการปันผลอัตโนมัติ
โปรเจกต์เลเยอร์ 1 อื่นๆ
ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วของการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และ Non-fungible token (NFTs) ทำให้ Ethereum เจอกับปัญหาเรื่อง scalability ซึ่งเกิดจากการที่แอปพลิเคชันและจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบเกิดความแออัดนั่นเอง การที่เครือข่าย Ethereum มีผู้ใช้และจำนวนธุรกรรมที่มากขึ้น ซึ่งมีความเร็วเพียง 15 ธุรกรรมต่อวินาที สิ่งนี้ทำให้ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม หรือที่เราเรียกว่าค่าแก๊สสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้การที่เครือข่าย Ethereum ใช้ระบบ Proof-of-Work (PoW) เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรม ทำให้ระบบที่ต้องใช้เวลาและพลังงานในการประมวลผลมากขึ้นอีกด้วย นักพัฒนาจึงรวมตัวกันสร้างแพลตฟอร์มเลเยอร์ 1 อื่นๆขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้
Solana (SOL) บล็อคเชนสาธารณะที่โดดเด่นด้านความเร็วในการทำธุรกรรม สามารถรองรับธุรกรรมได้สูงถึง 50,000 ธุรกรรมต่อวินาที และใช้เวลาในการสร้างบล็อกเพียง 400 มิลลิวินาทีต่อบล็อก จึงทำให้ Solana ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน ผู้สร้าง Solana ตั้งใจให้บล็อกเชนสามารถขยายตัวได้เร็ว ปลอดภัยและกระจายศูนย์ โดยทำงานร่วมมือกับสัญญาอัจฉริยะอื่นๆได้ Solana ใช้ proof-of-stake ในการช่วยยืนยันธุรกรรมจึงช่วยทำให้ระบบสามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นระบบยังใช้ proof-of-history ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม
Avalanche(AVAX) คือแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะที่รองรับ EVM ใช้สร้างบล็อกเชน blockchain มีความเร็วที่สุดโดยวัดด้วย Time-to-Finality ทั้งโปรเจ็กต์ DeFi NFT รัฐบาลและสถาบันต่างใช้ประสิทธิภาพของเครือข่าย Avalanche โดยมี AVAX เป็นโทเคนของเครือข่ายที่ใช้ในการจ่ายค่าธรรมเนียมในระบบนิเวศ และใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยด้วยระบบ Avalanche Consensus AVAX ที่ถูกใช้ในการจ่ายค่าธรรมเนียมจะถูกเผาเพื่อควบคุมปริมาณที่มีหมุนเวียนในตลาด
Fantom (FTM) คือแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่ใช้ Lachesis ระบบ Consensus แบบใหม่ซึ่งสามารถประมวลผลธุรกรรมได้เร็วมาก ใช้เวลาไม่ถึง 2 วินาที และค่าทำธุรกรรมก็แสนถูกจากการใช้ DAG-based aBFT อัลกอริทึม อีกหนึ่งจุดเด่นของ Fantom คือความเข้ากันได้กับ Ethereum Virtual Machine (EVM) ทำให้สามารถเข้ากันได้กับทำธุรกรรมส่วนมากในโลก
DeFi ทางเลือกบนเชนอื่นๆ
นอกจาก DeFi บนEthereumแล้ว บนโปรเจกต์เลเยอร์ 1อื่นๆ ก็มี DeFi สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้งานเช่นกัน
DYDX โทเคนของแพลตฟอร์ม dYdX ที่ใช้ในการแลกรางวัล วางสเตกรับผลตอบแทน ใช้จ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อได้รับส่วนลด ซื้อขายมาร์จิ้น การกู้ยืม และเทรดสัญญา Perpetual กับ Futures บน dYdX Decentralized Exchange (DEX) โดยใช้โมเดลแบบ Noncustodial Order Book ทำงานอยู่บนเครือข่าย Ethereum ในเลเยอร์-2
PancakeSwap คือ DEX ที่ทำงานบน Binance Smart Chain และให้คนสามารถแลกเปลี่ยนโทเคนบน BEP-20 โทเคน CAKE ใช้ในการบริหาร PancakeSwap นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถเป็นผู้มอบสภาพคล่องและได้รับผลตอบแทนเป็น CAKE ทั้งนี้ยังสามารถวางเสตก CAKE เพื่อผลตอบแทนเป็น CAKE เองหรือโทเคนอื่นๆก็ได้ หากยังไม่พอ PancakeSwap ยังให้คนร่วมลุ้นรางวัลจับสลากหรือแลก NFT ได้ด้วยเหรียญ CAKE ด้วย
Gamefi, NFT, Metaverse
The Sandbox (SAND) คือเกมโลกเสมือนจริงที่ผู้เล่นสามารถสร้าง และ เป็นเจ้าของที่ดี และไอเทมได้จริงๆ โดย ใช้ Decentralized Autonomous Organizations (DAO) กับ NFT สร้าง Metaverse บน Ethereum โดย The Sandbox มีระบบนิเวศที่ประกอบด้วย VoxEdit, Marketplace และ Game Maker ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สร้าง ขาย และเล่นคอนเทนต์ดิจิทัลของตนเองได้อย่างง่ายดาย
Axie Infinity เป็นเกมที่สร้างบน Ethereum ที่รวมองค์ประกอบของเกม RPG เข้ากับศักยภาพ Blockchain เพื่อสร้างเกมที่ตอบแทนผู้เล่นที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบนิเวศ โดยเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกรูปแบบ play-to-earn ที่อาจเปลี่ยนอุตสาหกรรมเกมในอนาคต ผลิตด้วย Sky Mavis โดยมี 2 โทเคนหลัก
- Axie Infinity Shard (AXS) เป็นโทเคนการกำกับดูแล ERC-20 ของระบบนิเวศ Axie Infinity และจะอนุญาตให้ผู้ถือสเตกและรับ AXS จากการโหวตและเล่นเกม AXS มีอุปทานจำกัดที่ 270 ล้าน
- Smooth Love Potion (SLP) คือโทเคน ERC-20 ที่ใช้งานในเกม Axie Infinity เพื่อเพาะพันธุ์ Axies
ApeCoin (APE) คือโทเคนยูทิลิตี้ของระบบนิเวศ APE ซึ่งใช้สำหรับการออกเสียงตัดสินใจทิศทางใน ApeCoin DAO ใช้เป็นสกุลเงินหลักบนแพลตฟอร์ม เพื่อเข้าถึงกิจกรรมพิเศษ และเป็นผลตอบแทนให้นักพัฒนาสร้างบนแพลตฟอร์ม โดยระบบนิเวศของ APE ประกอบด้วยโปรเจ็คท์ Metaverse และ NFT ต่างๆที่เชื่อมต่อกันหมดอย่างเช่น Bored Ape Yacht Club (BAYC) และ Mutant Ape Yacht Club (MAYC) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อส่งเเสริมศิลปะ เกม การบันเทิง และกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆใน Web3 บนเลเยอร์แบบไร้ศูนย์กลางเดียวกัน
You might also like
More from ตลาด
ทำความรู้จัก Dow Theory ทฤษฎีพื้นฐานของการลงทุนทางเทคนิค
ทำความรู้จัก Dow Theory ทฤษฎีพื้นฐานของการลงทุนทางเทคนิค Dow Theory คือทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์กราฟเทคนิค คิดค้นและพัฒนาขึ้นมากว่า 100 ปีแล้วโดยบุคคลชื่อ Charles Henry Dow กล่าวได้ว่าเป็นแนวคิดที่เป็นอมตะสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มราคาโดยจะมีหัวใจสำคัญอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ ราคาที่เห็นสะท้อนปัจจัยทุกอย่างในตลาดอยู่แล้ว ( Prices Discount …
บทความสรุปจาก BGTH 2023 “ขั้นต่อไปของ Web3”
งาน Blockchain Genesis, Thailand Blockchain Week 2023 ที่ผ่านมานอกจากบิทาซซ่าจะได้ยกทั้งระบบนิเวศ Freedom ไปโชว์แล้ว ในส่วนของทีมบิทาซซ่ายังได้มีการร่วมเสวนาสุดพิเศษจากคุณดีดี้ วิมลพรรณ วิบูลย์มา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสารและการตลาดในหัวข้อ “พัฒนาการขั้นต่อไปของ Web3 สู่การใช้งานในวงกว้าง” ซึ่งสำหรับใครที่พลาดไปก็สามารถอ่านบทความสรุปได้ที่นี่เลย! ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีเทคโนโลยีที่อยู่บนบล็อกเชนเกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็น …
สรุป 3 ประเด็นใหญ่ที่คุณต้องรู้เมื่อผ่านปี2566 มาแล้วครึ่งทาง
ขอปรบมือดังๆให้ชาวคริปโตทุกท่านที่ร่วมเดินทางกันมาเลยครึ่งทางของปี 2566 กันแล้วถึงแม้เหรียญเจ้าตลาดคริปโตอย่าง Bitcoin(BTC) จะเป็นแชมป์ผลตอบแทนสูงสุดครึ่งปีแรกถึง 83% พลิกบทบาทครั้งใหญ่จากปีที่แล้วที่ร่วงลงกว่า 60% เส้นทางในอนาคตจะเป็นอย่างไร? เราสรุปมาให้ทั้งหมด 3 ประเด็นใหญ่ที่คุณต้องรู้ 1. สถาบันการเงินแห่ขอเปิด Bitcoin ETF การเข้ามาขอเปิด Bitcoin Spot ETF จากสถาบันการเงินใหญ่ทั่วโลก เช่น Blackrock, Fidelity …